Homeข่าวบอลUFABETWINS “Williams” : ธุรกิจครอบครัวตระกูลสุดท้ายที่ยืนหยัดใน F1

UFABETWINS “Williams” : ธุรกิจครอบครัวตระกูลสุดท้ายที่ยืนหยัดใน F1

UFABETWINS

UFABETWINS 400-500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 12,000-15,000 ล้านบาท นี่คืองบประมาณในการทำทีมแต่ละปีของทีม F1

ระดับลุ้นแชมป์ เมื่อรู้เช่นนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนักที่รถสูตรหนึ่งจะถูกมองว่าเป็นกีฬา “ของเล่นคนรวย” ในการแข่งขัน F1 ยุคปัจจุบัน เป็นเรื่องปกติไปแล้วในการเห็นบริษัทหรือค่ายรถยักษ์ใหญ่ เช่น Red Bull, Mercedes-Benz หรือ Ferrari ลงมาเป็นเจ้าของทีมด้วยตัวเอง เนื่องจากงบประมาณที่ต้องใช้สูงเกินกว่าคนทั่วไปจะจัดการดูแลได้ และถึงจะลงทุนจนกลายเป็นผู้ชนะ ผลตอบแทนที่ได้รับก็ดูจะไม่ค่อยคุ้มค่ากับแรงเงินแรงกายที่ทุ่มเทลงไปเท่าไรนัก

อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาเกือบ 50 ปีที่ผ่านมา กลับมีครอบครัวเล็กๆครอบครัวหนึ่งที่ยืดหยัดทำทีม F1 ด้วยงบประมาณอันจำกัด ต่อสู้กับระบอบทุนนิยมอย่างไม่ยอมแพ้ ถึงแม้ว่าทีมระดับ “ชาวบ้าน” ทีมอื่นๆจะค่อยๆถอนตัวไปทีละทีมก็ตาม ชื่อของพวกเขาคือตระกูล “วิลเลี่ยมส์” ยอดนักสู้จากออกซ์ฟอร์ดเชียร์ ประเทศอังกฤษ ติดตามเรื่องราวหลากรสชาติของพวกเขาได้ที่ Main Stand เด็กหนุ่มผู้บ้าความเร็ว ถ้าคุณคิดว่าตระกูลวิลเลี่ยมส์คือครอบครัวมหาเศรษฐีเงินถุง

เงินถังและใช้เงินที่มีมาต่อยอดแพชชั่นในเกมการต่อสู้ Formula 1 แล้วล่ะก็.. ต้องบอกว่าความคิดนั้นผิดโดยสิ้นเชิง ตรงกันข้าม พวกเขากลับเริ่มต้นทุกๆอย่างมาจากฐานะยากจนแทบจะกัดก้อนเกลือกินเสียด้วยซ้ำ เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นจากผู้ชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่า “แฟรงก์ วิลเลี่ยมส์” (Frank Williams) เขาเกิดและเติบโตขึ้นมาในย่านจาร์โรว์ เมืองเซาท์ชีลด์ส ประเทศอังกฤษ มีคุณพ่อเป็นทหารอากาศหน่วยทิ้งระเบิด แต่เขาก็ทิ้งครอบครัวไปตั้งแต่ก่อนที่แฟรงก์จะจำความ

UFABETWINS

ได้ ทำให้ภาระทั้งหมดมาตกอยู่กับผู้เป็นแม่ที่ต้องกลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ทั้งๆที่รายได้ทั้งหมดของเธอก็มีแค่เงินเดือนจากการเป็นครูเท่านั้น ด้วยความที่ต้องทำงานหนักจนไม่มีเวลามากพอที่จะดูแลเอาใจใส่ลูก แฟรงก์จึงถูกส่งให้เข้าไปเรียนในโรงเรียนประจำตั้งแต่อายุ 5 ขวบ โรงเรียนดังกล่าวเป็นโรงเรียนคอนแวนต์คาทอลิกที่ค่อนข้างมีกฎระเบียบเข้มงวด อย่างไรก็ตาม เด็กชายแฟรงก์ก็ไม่กลัวที่จะแหกกฎดังกล่าว หนีออกมาภายนอกเป็นประจำ เพียงแต่ว่า

เหตุผลในการเป็น “เด็กแหกคอก” ของเขานั้นดูจะแปลกกว่าเด็กทั่วไปเสียหน่อย “บ่อยครั้งที่ผมหนีโรงเรียนออกมา พอโดนจับได้ก็ถูกลงโทษอย่างหนัก โดนทุบตีด้วยไม้แขวนเสื้อ ผมหนีออกมาเพียงเพื่ออยากจะนั่งรถไฟไปเรื่อยๆเท่านั้น ผมชอบการเคลื่อนที่ของมัน” “บางครั้งที่มีรถของเพื่อนแม่มาจอดที่หน้าบ้าน ผมก็จะไปเกาะดูตลอด บางครั้งก็พาผมไปนั่งรถเล่น ตั้งแต่นั้นมา ผมชอบรถมากๆ” แฟรงก์เผยความทรงจำในอดีตผ่านสารคดี Williams (2017) เรียกได้ว่า

แฟรงก์ค้นพบแพชชั่นของเขาตั้งแต่วัยเยาว์ แต่ด้วยวิถีชีวิตการเป็นนักเรียนโรงเรียนประจำจึงทำให้เขาทำอะไรไม่ได้มากนัก จนกระทั่งแฟรงก์จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมปลาย.. ในตอนนั้นแหละถึงเวลาที่นกจะบินออกจากกรงมาสยายปีกให้โลกได้รับรู้แล้ว “ผมสามารถเข้ามหาวิทยาลัยได้นะ แต่ผมไม่สนใจเลยสักนิด ในตอนนั้นตัวผมค่อนข้างโหยหาความอิสระมากๆ” หลังจบการศึกษา แฟรงก์ก็ไม่รอช้าที่จะตัดสินใจทำตามสิ่งซึ่งหัวใจของเขาเรียกร้องมาตลอด คือการเข้า

สู่โลกแห่งความเร็ว เขาย้ายจากเมืองเซาท์ชีลด์ส ไปอยู่แฟลตในเมืองฮาโรว์กับกลุ่มเพื่อนที่สนใจเรื่องความเร็วและการแข่งรถเหมือนกัน ตามประสาเด็กหนุ่มผู้เดินทางหาความฝัน “เพื่อนของแฟรงก์ทุกคนในตอนนั้นเป็นเด็กจากตระกูลร่ำรวย มีชาติตระกูล เรียนจบจากอีตัน มาแข่งรถตามแพชชั่น ส่วนแฟรงก์ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง เขาไม่มีทั้งเงิน ไม่มีทั้งชาติตระกูล แต่เขาก็กลมกลืนกับทุกคนได้เป็นอย่างดี” “เขาหลงใหลในการแข่งรถมากๆ เรียกว่าสุดโต่งไปเลย”

UFABETWINS

แฟรงก์ เดอร์นี่ย์ (Frank Dernie) อดีตวิศวกรของทีม Williams และเพื่อนสนิทของแฟรงก์เผย ขณะที่ แคลร์ วิลเลี่ยมส์ (Claire Williams) ลูกสาวของแฟรงก์ เล่าเรื่องราวของคุณพ่อตัวเองว่า “พอพ่อได้แข่งรถ โลกของพ่อก็พิเศษขึ้นมา มันเป็นที่ที่ผู้ชายมารวมกลุ่มกัน ทำสิ่งที่รักด้วยกัน และฉันคิดว่าพ่อก็รู้สึกดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มนั้น เพราะตอนเด็กๆ พ่อไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มใดมาก่อนเลย” ในขณะที่เพื่อนๆคนอื่นมีรถแข่งหรูหราราคาแพงเป็นของตัวเอง

แต่แฟรงก์กลับซื้อรถ Austin A35 มือสองมาในราคาเพียงแค่ 80 ปอนด์เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความที่ไม่มีครอบครัวทางบ้านส่งเงินมาให้ใช้เหมือนกับคนอื่นๆ แฟรงก์จึงจำเป็นต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบทำงานหาเงินไปด้วย รายได้หลักของแฟรงก์ในช่วงเวลาดังกล่าวคือการเล่นแร่แปรธาตุอะไหล่รถยนต์ ซื้อมาขายไป รวมถึงการประกอบเครื่องยนต์ให้กับนักแข่งคนอื่นๆด้วย ซึ่งฝีมือของแฟรงก์ก็จัดว่าอยู่ในระดับเซียน มีนักแข่งรถจากทั่วยุโรป โดยเฉพาะจากประเทศอิตาลี

มาเป็นลูกค้าให้แฟรงก์ช่วยดัดแปลงเครื่องยนต์ให้ ทำให้เขาสามารถทำเงินได้จากอาชีพนี้พอสมควร “แฟรงก์เก่งถึงขนาดที่ว่ามีนักแข่งรถจากอิตาลีคนหนึ่งส่งรถคันเก่ามาให้เขาชำแหละเครื่องยนต์ และช่วยประกอบรถให้ทุกปี แต่สิ่งที่แฟรงก์ทำคือการซ่อมแซมดัดแปลงเครื่องยนต์ในรถคันเดิม และปัดฝุ่นสภาพภายนอกให้ดูใหม่เอี่ยม ก่อนที่จะส่งรถคันดังกล่าวกลับคืนไป” “นักแข่งคนนั้นคิดว่าเขาได้รถใหม่ทุกปี ทั้งๆที่ความจริงเขาขับรถคันเดิมมา 3 ปีแล้ว”

เดฟ โบเรย์ อีกหนึ่งเพื่อนสนิทของแฟรงก์เผย แฟรงก์ใช้ชีวิตอยู่แบบนั้นเรื่อยมา บางเวลาก็เป็นนักแข่งรถ บางเวลาก็เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุเครื่องยนต์ แต่ไม่ว่าอย่างไร แพชชั่นที่เขามีต่อความเร็วก็ไม่เคยหายไปไหน และถ้าจะเรียกเขาว่าเป็นจอมบ้าแห่งวงการก็คงไม่ผิดนัก “ตอนผมเริ่มแข่งฟอร์มูล่าทรี มีแต่คนมาถาม

ว่ารู้จัก แฟรงก์ วิลเลี่ยมส์ ไหม? ผมก็ตอบไป แน่นอนว่าต้องรู้จัก หมอนี่มันบ้าเกินใครเลยล่ะ ทุกสนามที่ลงแข่งเขาจะขับด้วยความเร็วแบบไม่กลัวตาย เข้าโค้งแบบอันตรายสุดๆ” ฮาวเดน แกนลีย์ (Howden Ganley) นักขับทีม Williams ช่วงยุค 70s เล่าย้อนถึงวีรกรรมของอดีตหัวหน้า

 

คลิ๊กเลย >>> https://www.ufabetwins.com/

อ่านข่าวเพิ่ม >>> บ้านผลบอล