Homeข่าวบอลUFABETWINS “อัลฟอนโซ่ เดวี่ส์” : จากเด็กที่เติบโตในแคมป์ผู้ลี้ภัยสู่ 1 ในแบ็กซ้ายที่ดีที่สุดในโลก

UFABETWINS “อัลฟอนโซ่ เดวี่ส์” : จากเด็กที่เติบโตในแคมป์ผู้ลี้ภัยสู่ 1 ในแบ็กซ้ายที่ดีที่สุดในโลก

UFABETWINS อยู่ๆ อัลฟอนโซ่ เดวี่ส์ ก็โผล่ขึ้นมาเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ บาเยิร์น มิวนิค และระเบิดฟอร์มสุดเหลือเชื่อไม่ว่าใครก็หยุดเขาไม่อยู่

เผลอแวบเดียวมีคนบอกว่าเขาคือ 1 ในแบ็กซ้ายที่ดีที่สุดในโลกไปแล้ว ถ้าคุณยังงงๆ และสงสัยว่าทำไมเด็กหนุ่มจากแคนาดาจึงได้แข็งแกร่งนัก? เราจะพาคุณย้อนเวลากลับไปไกลอีกหน่อย ตั้งแต่สมัยที่เดวี่ส์ยังไม่เกิด และครอบครัวของเขายังอยู่ที่ไลบีเรีย นี่ไม่ใช่แค่เรื่องฟุตบอล แต่มันคือตำนานการเอาชีวิตรอดของทั้งครอบครัวที่ส่งทอดมาถึง อัลฟอนโซ่ เดวี่ส์ ในวันนี้ อยู่ไม่ไหวต้องย้ายออก การเดินทางอันแสนมหัศจรรย์และไต่ระดับอย่างรวดเร็วของ อัลฟอนโซ่ เดวี่ส์

แบ็กซ้ายของบาเยิร์น มิวนิค ที่ถูกยกย่องให้เป็น “1 ในผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลก” ณ เวลานี้ เริ่มต้นขึ้นอย่างยากลำบาก จุดเริ่มต้นที่แท้จริงและรากเหง้าของความแข็งแกร่งของเขาเกิดขึ้นจากแดนไกลในแอฟริกา.. นั่นคือประเทศไลบีเรีย ไลบีเรีย ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกของทวีป มีชายหาดยาวถึง 479 กิโลเมตร มองจากโลเคชั่นติดชายหาดแล้วพวกเขาควรจะเป็น 1 ในเมืองท่องเที่ยวได้ไม่ยาก ทว่าความจริงโลเคชั่นของไลบีเรียนั้นไม่ดีเอาเสียเลยในแง่ของสภาพแวดล้อมและ

ประเทศเพื่อนบ้าน.. ทางตอนเหนือติดกับ กินี, ทางตอนใต้ติด ไอวอรี่โคสต์ และทางตะวันตกติดกับ เซียร่า ลีโอน.. ถามว่ามันแย่ตรงไหน? คำตอบก็คือทั้ง 3 ประเทศที่ว่ามานั้นมีประวัติศาสตร์การรัฐประหารมากันมากมายจนนับนิ้วกันไม่หวาดไม่ไหว แน่นอนว่าเมื่อรอบข้างต่างก็ทำกัน ไลบีเรีย เองก็คงไม่แตกต่างกันมากนัก พวกเขามีประวัติการรัฐประหารไม่แพ้ใคร ในปี 1980 ซามูเอล โด นำกองกำลังทหารเข้ายึดอำนาจจากประธานาธิบดีวิลเลียม โทลเบิร์ต เท่านั้นยังไม่พอ

โทลเบิร์ตยังถูกสังหารคาเตียงนอน ก่อนที่โดจะตั้งตัวเองขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีแทนอีกต่างหาก การได้อำนาจมาโดยมิชอบนำมาซึ่งสงครามภายในแบบไม่มีวันหยุดหย่อน เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นในประเทศถึง 2 ครั้ง 2 ครา ครั้งแรกระหว่างปี 1989-1997 ครั้งที่สองระหว่างปี 1999-2003 วิกฤติครั้งนี้ลากยาวมาเป็นสิบๆปี ในเมืองหลวงเต็มไปด้วยปลอกกระสุน มีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นมากมายทั้งการฆ่าข่มขืน การลักพาตัวเด็กๆเพื่อสร้างกองทัพเด็กของตัวเองขึ้นมา

พ่อแม่เด็กคนไหนไม่ยอมก็สามารถถูกยิงทิ้งกันได้ง่ายๆเหมือนกับผักปลา หากจะถามถึงความเสียหาย? สงครามกลางเมืองครั้งแรกที่กินเวลาถึง 8 ปี มีผู้เสียชีวิตทั้งทหารและพลเรือนโดยประมาณการที่ 400,000-620,000 คน ส่วนครั้งที่สอง แม้จะกินเวลาเพียง 4 ปี แต่ประมาณการผู้เสียชีวิตไว้มากราว 150,000-300,000 คน.. นับรวมทั้งสองครั้ง ผู้เสียชีวิตปริ่มๆจะถึงหลัก 1 ล้านคนเลยทีเดียว เดเบียห์ เดวี่ส์ พ่อของ อัลฟอนโซ่ คือคนที่อยู่ในสงครามกลางเมืองทั้ง 2 ครั้ง

เขารู้ดีว่า ณ นาทีนั้นถ้าไม่ย้ายออกมา อย่างไรเสีย ชะตากรรมคงไม่ต่างกับผู้เคราะห์ร้ายคนอื่นๆ แม้ว่าการหนีออกไปจะไม่รู้ปลายทางว่าจะเป็นตายร้ายดี แต่อย่างน้อยขอให้มีโอกาสเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ให้เสี่ยง ก็ยังดีกว่าการรอความตายที่ไม่รู้ว่าจะมาถึงเมื่อไหร่ในเมืองที่วุ่นวายเมืองนี้ ครอบครัวเดวี่ส์หนีมาถึงประเทศกานา และขออาศัยในสถานสงเคราะห์ผู้อพยพในเมืองบูดูบูรัม ซึ่ง วิคตอเรีย ภรรยาของเดเบียห์ก็ได้คลอดอัลฟอนโซ่ ลูกคนที่ 4 จากทั้งหมด 6 คน ที่แคมป์แห่ง

นี้ในปี 2000.. อาจจะยากลำบากเรื่องอาหารการกินและที่อยู่อาศัยบ้าง แต่อย่างน้อยๆ พวกเขาก็ได้รับการดูแลจากสหประชาชาติ ดีที่สุดคือไม่มีใครบุกมาเคาะประตูบ้านกลางดึกและยิงพวกเขาทิ้งได้ง่ายๆ แค่นี้ก็ดีถมถืดแล้ว “ที่ไลบีเรีย แค่มีชีวิตอยู่ให้รอดก็ยากแล้ว ทางรอดเดียวของคุณคือต้องพกปืนไว้ป้องกันตัวเอง แต่ผมไม่สนใจจะจับปืน ผมจึงตัดสินใจหนีออกมาตายดาบหน้า” เดเบียห์กล่าว ครอบครัวเดวี่ส์อยู่ที่กานา และพยายามศึกษาวิธีการลี้ภัยไปยังต่างแดนอีกครั้ง

ในประเทศที่พร้อมกว่า สุดท้าย เดเบียห์ก็พยายามจนสามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตของครอบครัวได้ เขาทำแบบทดสอบผ่านทั้งหมดและประตูสู่แคนาดาก็เปิดขึ้น “ผมทำเอกสารและทดสอบการขอลี้ภัยในต่างแดน ผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน แต่พวกเขาบอกว่า กรอกแบบฟอร์มนี้ซะแล้วคุณจะได้ไปแคนาดา” เดเบียห์กล่าว “เราทุกคนผ่านการสัมภาษณ์และทุกๆอย่างที่พวกเขาทดสอบ และมันทำให้เรามาที่นี่ ที่ประเทศแคนาดา” อัลฟอนโซ่ เดวี่ส์ วัย 5 ขวบ ยังไม่ค่อยเข้าใจโลกของ

ผู้ใหญ่มากนัก ณ เวลานั้น แต่ที่รู้ๆแน่ชัดคือ พ่อกับแม่เจอกับความลำบากมาตลอดที่จำความได้ และสำหรับเด็ก 5 ขวบ สิ่งเดียวที่ทำได้คือการยิ้มให้กำลังใจ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเท่านั้น.. ตอนนี้โอกาสยิ้มกว้างที่สุดของเขามาถึงแล้ว แคนาดา เมืองฟ้าของครอบครัวเดวี่ส์ “การย้ายบ้านอีกครั้งอาจจะเป็นเรื่องยากอยู่บ้าง แต่มันก็เป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมเช่นกันที่ได้เห็นอะไรซึ่งไม่เคยได้เห็น ได้ทำอะไรในสิ่งที่คุณอยากจะทำจริง ผมคิดว่าครอบครัวของผมสู้ได้ดีมาก

ผมภูมิใจในตัวพ่อกับแม่แล้วก็ทุกๆคนด้วย” เดวี่ส์ ให้สัมภาษณ์กับ เดอะ การ์เดี้ยน เมื่อมาถึงแคนาดา พวกเขาตั้งรกรากกันที่เมืองเอ็ดมันตัน รัฐอัลเบอร์ตา โดยพ่อกับแม่เขายังคงต้องพยายามให้มากอีกเช่นเคย ด้วยการออกไปทำงานวันละหลายชั่วโมง ขณะที่ อัลฟอนโซ่ และน้องๆอีก 2 คนถูกฝากเลี้ยงไว้ที่โบสถ์คาทอลิก และเมื่อกลับมาบ้านเขาก็ยังช่วยพ่อแม่เลี้ยงน้องด้วย แม้จะเป็นภาระที่ค่อนข้างหนักสำหรับเด็กที่ยังไม่ค่อยรู้ความมากนัก แต่ไม่ว่าใครที่รู้จัก

อัลฟอนโซ่ พวกเขาต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “เด็กคนนี้มีความสุขจนน่าอิจฉา” “อัลฟอนโซ่ตัวน้อยของเรา เป็นเด็กที่ไม่ว่าจะเดินไปไหนมาไหนก็มีรอยยิ้มเปื้อนอยู่บนหน้าตลอด เขาชอบเต้นและร้องเพลงตามโถงทางเดิน และยิ่งไปกว่านั้นคือไม่ว่าเขาจะหยิบจับกีฬาชนิดไหน ดูเหมือนว่าเขาจะมีพรสวรรค์ไปเสียทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นวิ่ง สนามบาส ฟุตบอล หรือกีฬาอะไรก็ได้ เด็กคนนี้ร้ายมากจริงๆ” เมลิสซ่า กุซโซ่ คุณครูสมัยเดวี่ส์เรียนเกรด 6 ที่โรงเรียนคาทอลิกว่าไว้

เดวี่ส์ถูกส่งไปเล่นลีกฟุตบอลของเยาวชนผู้ขาดโอกาส และเขาก็เก่งกาจยิ่งกว่าใคร ตอนนั้นโค้ชบอลโรงเรียนต้องไปตามโค้ชฟุตบอลจริงๆมาดูเขาเล่น มาร์โก บอสซิโอ หัวหน้าทีมแมวมองจากเซนต์ นิโคลัส ซอคเก้อร์ อคาเดมี เห็นฝีเท้าของเดวี่ส์ เขาต้องตาเข้าอย่างจัง “คนนี้แหละ” เขาพูดแบบนั้น และรีบเข้าหาทันทีหลังเกมฟุตบอลของเดวี่ส์จบลง “เด็กคนนี้มีอะไรที่พิเศษ ฝีเท้าของเขาเร็วอย่างกับสายฟ้า ทั้งความเร็วและการจ่ายบอลมันเว่อร์มากเลยสำหรับเด็กอายุแค่นี้

ผมเข้าไปคุยกับเขา และเขาตอบกลับว่าอยากจะเล่นให้กับทีมของเรา” บอสซิโอกล่าว หลังจากนั้น คืนวันผ่านไปเราคงไม่ต้องอธิบายกันเยอะว่าเขาเก่งแค่ไหน ในเอ็ดมันตัน เมืองเล็กๆเมืองนี้มีแต่คนได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่ามีเด็กที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ นักกีฬาซอคเก้อร์ที่อยู่กับโรงเรียนเซนต์ นิโคลัส ที่ชื่อว่า อัลฟอนโซ่ เดวี่ส์ นั่นเอง เมื่ออายุได้ 13 เดวี่ส์เริ่มมองเห็นทางข้างหน้าชัดขึ้นว่าตั้งใจจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ตอนแรกเขาไม่เคยคิดแบบนั้น

จนกระทั่งยิ่งเล่นไปก็ยิ่งห่างจากเด็กคนอื่นๆมากขึ้นเรื่อย จากนั้นโค้ชบอสซิโอก็ปลูกฝังแนวคิดการเอาดีทางด้านฟุตบอล และฝึกเขาให้หนักพิเศษกว่าเด็กคนอื่นๆในเวลาเดียวกัน “ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองเก่งกาจอะไร ผมแค่ขอให้ได้เล่นสนุกกับเพื่อนๆ จนกระทั่งวันหนึ่งโค้ชรีบมาบอกกับผมว่า ผมต้องอย่าหยุด ต้องเดินหน้าต่อไป พวกเขาบอกให้ผมเชื่อมั่น และผมก็เริ่มฝันจะเป็นนักเตะอาชีพ ผมฝึกฝนอย่างหนักกว่าคนอื่นๆเพื่อจะไปให้ถึงจุดนั้น” เดวี่ส์กล่าว

UFABETWINS

ความพยายามบรรลุผลแน่ในสักวันไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว แต่สำหรับเดวี่ส์ทุกอย่างรวดเร็วมาก ชื่อเสียงของเขาดังไปทั่วแคนาดา ทีมแวนคูเวอร์ ไวท์แค็ปส์ ที่ลงเล่นในเมเจอร์ลีก ซอคเก้อร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา จึงได้เข้ามาทาบทามเขาตั้งแต่อายุ 14 ปีเท่านั้น และนั่นคืออีกครั้งที่เขาต้องจากบ้านและครอบครัว แต่มันคือการจากลาเพื่อแสวงหาสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด บางครั้งอาจจะยิ่งใหญ่กว่าที่พวกเขาหวังเสียอีก “แม่ผมไม่อยากให้ไปแวนคูเวอร์หรอก เพราะผมมันตัวคนเดียวก็เลยเป็น

ห่วง แม้กลัวว่าผมจะเป็นเด็กไม่ดีและหลงผิดได้ แต่ความจริงไม่ใช่หรอกนะ ที่นี่มีนโยบายให้เด็กทุกคนต้องมีเกรดเฉลี่ยที่ดีจึงจะได้เล่นให้กับทีมฟุตบอล ถ้าเกรดของคุณตกต่ำกว่าเกณฑ์ พวกเขาก็ยกเลิกสัญญาและคุณก็ต้องออกจากอคาเดมีไปเลย พวกเขาที่นั่นดูแลผมเป็นอย่างดีจริงๆ” เดวี่ส์ว่าไว้ ไม่ว่าจะเรียนหรือกีฬา หรือแม้กระทั่งการใช้ชีวิต เดวี่ส์ไม่เคยนอกลู่นอกทาง อาจจะเป็นเพราะว่าเขาได้เห็นความลำบากของพ่อแม่ที่พยายามจนให้ลูกๆได้ออกมาเจอโลก

กว้างและได้โอกาสในแบบที่ตัวเองไม่เคยได้ ดังนั้น เขาจึงเป็นเด็กที่ขึ้นชื่อเรื่องวินัยเป็นอย่างมาก เขาเข้าอคาเดมีของไวท์แค็ปส์ได้ปีกว่าๆ ทีมก็โปรโมตเขาขึ้นชุดใหญ่ และส่งลงสนามเกมเมเจอร์ลีกตั้งแต่อายุ 15 ปีเท่านั้น “ตอนได้ลงเล่นครั้งแรก มันเหมือนเป็นการหาคำตอบให้ตัวเองว่า เราพยายามอย่างหนักเป็นพิเศษมากกว่าคนอื่นๆอยู่หลายปีเพราะอะไร? มันคุ้มค่ามาก โค้ชมองเห็นบางอย่างในตัวผม หลังจากนั้นเมื่อผมได้สัญชาติแคนาดาแล้ว เขาพาผมไปเข้าแคมป์

ทีมชาติ และจากนั้นอีกไม่นานผมได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของแคนาดา.. มันบ้ามาก ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วจนน่าตกใจ” แคนาดา เล็กเกินไปแล้ว ระหว่างที่กำลังมีความสุขกับการได้เล่นในเมเจอร์ลีก และกลายเป็นผู้เล่นระดับแถวหน้าทั้งที่อยู่ในวัยทีนเอจ เดวี่ส์ก็ได้รับโทรศัพท์ในเดือนกรกฎาคมปี 2018 ปลายสายบอกว่าให้เข้ามาที่ออฟฟิศ สโมสรบาเยิร์น มิวนิค ต้องการคุยกับคุณ “พระเจ้า.. ไม่รู้จะบอกว่ากลัวหรือตื่นเต้นดี ผมคิดว่าผมต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่าผมดีพอ

ในระดับนั้น” แม้จะสั่นแต่ก็เป็นการสั่นสู้ นั่นคือความรู้สึกของเดวี่ส์ที่ว่ากันว่าตอนนั้นไม่ใช่แค่บาเยิร์น แต่มี ลิเวอร์พูล, แมนฯ ยูไนเต็ด และ เชลซี ที่ตามจีบเขาอีกด้วย เขาตัดสินใจมายังบาเยิร์นด้วยค่าตัว 11.5 ล้านยูโร ซึ่งเป็นสถิตินักเตะย้ายออกจากเมเจอร์ลีก ซอคเก้อร์ ที่แพงที่สุด ณ เวลานั้น (เจ้าตัวมาร่วมทัพเสือใต้อย่างเป็นทางการเดือนมกราคม 2019 หลังช่วยทีมไวท์แค็ปส์จนจบฤดูกาล 2018) เพื่อพิสูจน์ตัวเองให้โลกรู้ว่านักเตะจากประเทศแคนาดามีศักยภาพขนาด

ไหน และในทางเดียวกันนักเตะในแคนาดาก็ตื่นตัวเป็นอย่างมากแบบที่ไม่เคยเป็นมาหลายปี เพราะต้องไม่ลืมว่าแคนาดานิยมฮ็อกกี้เป็นกีฬาอันดับ 1 “อัลฟอนโซ่เป็นผู้เล่นที่พวกเราทุกคนปรารถนาจะเป็น เขาไปที่เยอรมันและประกาศตัวว่านักเตะแคนาดาเป็นอย่างไร มันถึงเวลาที่ทำให้โลกต้องยอมรับ.. แต่คุณไม่ต้องห่วงเขาเลย เด็กคนนี้จะไม่มีทางลืมตัวแน่” จอห์น เฮิร์ดแมน กุนซือทีมชาติแคนาดากล่าว เดวี่ส์ได้เริ่มจากการเล่นในทีมชุดบีก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อปรับตัวให้

เข้ากับฟุตบอลยุโรป อีกทั้งตำแหน่งปีกซ้ายที่ถนัดยังมีคู่แข่งขวางทางเพียบ ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน โชคชะตาก็เข้าข้างเมื่อ นิคลาส ซือเล่ และ ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ ได้รับบาดเจ็บหนักจนต้องพักยาว ดาวิด อลาบา แบ็กซ้ายระดับโลกจึงถูกจับไปเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก นั่นทำให้ตำแหน่งแบ็กซ้ายว่างลง และจากนั้น เดวี่ส์ก็ถูกจับมาเสียบในตำแหน่งนั้นในช่วงปลายปี 2019 และเขาก็ไม่เคยเสียตำแหน่งตัวจริงให้ใครอีกเลย “ผมมั่นใจมาเสมอว่าเดวี่ส์จะมาเติมเต็มใน

UFABETWINS

ตำแหน่งแบ็กซ้ายได้” ฮันซี่ ฟลิค กุนซือทีมเสือใต้กล่าว “เขาคือไพ่โจ๊กเกอร์ของเรา ด้วยความเร็ว ความแข็งแกร่ง แย่งบอลได้ดี แถมยังเป็นนักเตะที่จ่ายบอลได้ยอดเยี่ยมอีกด้วย.. มันเป็นเรื่องของการโชว์ฟอร์มโชว์ศักยภาพ และเขาพิสูจน์ให้ผมเห็นแล้ว” “เดิมทีเขาถูกเซ็นสัญญามาเล่นในตำแหน่งปีก แต่เขาทำผลงานได้อย่างน่าเหลือเชื่อในตำแหน่งแบ็กซ้าย พัฒนาการของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก” ทุกคนรู้ดี อะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น ฝั่งซ้ายของบาเยิร์นที่มีเดวี่ส์ กลายเป็น

ฝั่งที่ยากจะมีใครเจาะกินได้ง่ายๆ หนำซ้ำเขายังขึ้นเกมรุกได้แบบมีประสิทธิภาพ เขาดวลกับตัวรุกฝีมือดีมามากมายทั้ง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์, คริสเตียน พูลิซิช, เจดอน ซานโช หรือแม้แต่กระทั่ง ลิโอเนล เมสซี่ ก็ยังไปไม่เป็นมาแล้ว คุณจะได้เห็นถึงความเร็วและประสิทธิภาพในการเล่นบอลจังหวะสุดท้าย จังหวะไหนควรเลี้ยง จังหวะไหนควรจ่าย ซึ่งโดยปกติแล้วนักเตะดาวรุ่งมักจะเล่นได้ไม่แน่นอนนัก แต่นั่นไม่ใช่กับเขา ผลงานของเดวี่ส์เป็นที่ประจักษ์ และ บาเยิร์น มิวนิค

ก็ไร้เทียมทานขึ้นมาในเวลาเดียวกัน เปล่งประกาย ตอนนี้เดวี่ส์มาไกลมากภายในช่วงเวลาเพียงอึดใจเดียว เขากลายเป็น 1 ในแบ็กซ้ายที่ดีที่สุดของโลก สิ่งที่เขาต้องทำคือการเดินไปข้างหน้า อย่าหลงใหลในความสำเร็จระยะสั้น ซึ่งเรื่องนั้นเขารู้ดีและหลายคนที่รู้จักกับเขาก็มั่นใจว่าเท้าของเขายังคงติดดินไม่เปลี่ยนแปลง “หมอนี่เป็นเด็กดีนะ ไม่ต้องห่วงเขาหรอก ในช่วงชีวิตของเขาได้เห็นเรื่องราวอะไรมามากมายจนทำให้เขารู้ค่าของการเป็นคนดี ตอนนี้เรื่องราว

ชีวิตเขาจะโดนเล่าย้อนมาถึงความลำบากของครอบครัว แต่สักวันเถอะ หมอนี่จะสร้างสตอรี่ที่ยิ่งใหญ่มากมายให้พวกคุณได้เขียนถึง” ปีเตอร์ มอนโตโปลี เลขาธิการทั่วไปของ Soccer Canada ว่าถึงสิ่งที่เขาทำนายว่าจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ขณะที่เดวี่ส์รู้ดีว่าฝันที่เขากำลังล่าไม่ใช่เป็นแค่ฝันของตัวเองเท่านั้น มันยังมีครอบครัว วงการฟุตบอลแคนาดา และสำคัญที่สุด เด็กๆที่ต้องทนอยู่ในพื้นที่สงครามและสถานผู้ลี้ภัย เขาต้องการทำตัวเองให้ดีในทุกด้านเพื่อจุดประกายต่อไป

อย่างไม่รู้จบ และนั่นคือความยิ่งใหญ่ที่แท้จริงที่นักฟุตบอลคนหนึ่งจะทำได้ “นับตั้งแต่เหยียบสนามของบาเยิร์นก้าวแรก ผมรู้ดีว่าทุกคนต้องการอะไรจากผม พวกเขาต้องการเห็นนักเตะที่ดีที่สุดลงสนาม และผมรู้ตัวว่ามีแต่ความทุ่มเทอย่างจริงจังเท่านั้นที่จะตอบแทนพวกเขาได้ นี่คือความฝันของผมเสมอ และผมจะไม่มีวันยอมแพ้ให้กับอุปสรรคและปัญหาที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่วันเดียว” “ผมอยากเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กๆอีกหลายๆคนทั้งในแคนาดาและในฐานะผู้ลี้ภัยชาว

แอฟริกัน ผมแสดงให้เห็นว่าการทำงานหนักเพื่อแลกกับความฝันสามารถทำให้คุณได้ออกมาเห็นอะไรอีกมากมาย ทุกอย่างเป็นไปได้หากคุณยังคงซื่อสัตย์กับตัวเอง” “เมื่อเป็นเด็กน้อยจงอย่าหลงทาง เมื่อเติบโตขึ้นจงจินตนาการให้กว้างใหญ่และไปตามแรงจูงใจ พัฒนาความกล้าขึ้นทุกๆวัน และทำงานให้หนักที่สุดเพื่อเป็นในสิ่งที่เราอยากจะเป็น” เดวี่ส์กล่าวทิ้งท้าย

 

คลิ๊กเลย >>> UFABETWINS

อ่านข่าวเพิ่ม >>> บ้านผลบอล