Homeข่าวบอลUFABETWINS ครึ่งพันล้านปอนด์ : ทำไม “เป๊ป” ถึงล้มเหลวกับการซื้อกองหลังให้ แมนฯ ซิตี้ ?

UFABETWINS ครึ่งพันล้านปอนด์ : ทำไม “เป๊ป” ถึงล้มเหลวกับการซื้อกองหลังให้ แมนฯ ซิตี้ ?

UFABETWINS

UFABETWINS “102 ประตู” ไม่มีทีมใดอีกแล้วที่ยิงในพรีเมียร์ลีกได้มากกว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อฤดูกาล 2019-20

แต่ทำไมพวกเขาถึงเป็นได้แค่รองแชมป์ด้วยแต้มตามห่าง ลิเวอร์พูล ถึง 18 คะแนน ไม่ต้องคิดคำตอบนาน ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน เพราะกองหลังของพวกเขาไม่ดี แน่นอนที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้ง ๆ ที่ตำแหน่งกองหลังเป็นตำแหน่งที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า พยายามซ่อมแซมและแก้ไขแทบจะทุกซีซั่น จนใช้เงินรวม ๆ เกิน 400 ล้านปอนด์สำหรับนักเตะแนวรับเพียงอย่างเดียว อะไรทำให้เป็นเช่นนั้น ติดตามได้ที่นี่ ตัวยืนที่ขาดหายไป เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ใช้เงินไปแล้วทั้งหมด

428 ล้านปอนด์ สำหรับนักเตะตำแหน่งกองหลังจำนวนทั้งหมด 11 คน ไล่เรียงรายชื่อประกอบด้วย โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ (1.7 ล้านปอนด์), จอห์น สโตนส์ (50 ล้านปอนด์), ดานิโล่ (27 ล้านปอนด์), ไคล์ วอล์คเกอร์ (47.4 ล้านปอนด์), แบ็งฌาแม็ง เมนดี้ (51.7 ล้านปอนด์), อายเมอริก ลาปอร์ต (58.8 ล้านปอนด์), ฟิลิปป์ แซนด์เลอร์ (2.25 ล้านปอนด์), แองเจลิโน (10.8 ล้านปอนด์), เปโดร ปอร์โร่ (10.8 ล้านปอนด์), ชูเอา กันเซโล่ (58.5 ล้านปอนด์) ยาน เคาโต้

UFABETWINS

(5.4 ล้านปอนด์), นาธาน อาเก้ (40 ล้านปอนด์) และล่าสุด รูเบ็น ดิอาส (64 ล้านปอนด์) ใครคือนักเตะที่คุ้มค่าเงินที่จ่ายไปบ้าง ? หากจะว่ากันตามตรงแบบไม่เกรงใจกัน จาก 11 รายที่ซื้อมา ณ เวลานี้สอบผ่านและใช้งานเป็นตัวหลัก ไม่เจ็บไม่แบนยังไงก็ต้องลงมีเพียง 2 รายเท่านั้นคือ ไคล์ วอล์คเกอร์ และ อายเมอริก ลาปอร์ต ส่วน รูเบ็น ดิอาส ต้องรอให้เวลาช่วยตอบอีกสักนิด แต่ที่แน่ ๆ คือ เป๊ป ล้มเหลวมากกว่าประสบความสำเร็จในการสร้างแผงหลังแน่นอน

แต่ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ ? ความจริงมันไม่ใช่ความล้มเหลวแบบ 100% นัก เป๊ป เคยสร้างแนวรับที่ดีได้แล้วในฤดูกาล 2018-19 ที่พวกเขากลายเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกด้วยการเก็บแต้มแตะหลัก 100 คะแนน มองในกองหลังชุดนั้น ซิตี้ ใช้งานแบ็คโฟร์ได้แก่ ไคล์ วอล์คเกอร์, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, จอห์น สโตนส์, ฟาเบียน เดลฟ์ โดยมี อายเมอริก ลาปอร์ต มาเติมในช่วงตลาดซื้อขายเดือนมกราคม หลังจากนั้นทุกคนได้เห็นซิตี้ชุดไร้เทียมทานอย่างแท้จริง การชนะรวด 14 เกม

ของ ซิตี้ ในขณะที่ขับเคี่ยวล่าแชมป์กับ ลิเวอร์พูล คือช่วงเวลาที่แนวรับของซิตี้ฉายแสงที่สุด สถานการณ์ตอนนั้นทุกอย่างอยู่ภายใต้ความกดดันมาก หาก ซิตี้ พลาดแม้แต่เสมอแค่เกมเดียว พวกเขาจะกลายเป็นรองแชมป์ทันที และสิ่งที่ทำมาตลอดทั้งฤดูกาลก็จะถูกลืม แต่ภายใต้สถานการณ์ที่ต้องรับมือยาก ซิตี้ ที่นำโดยกัปตันทีมอย่าง แว็งซ็องต์ ก็องปานี กลับทำหน้าที่ได้โดดเด่นยิ่งกว่าเกมรุกด้วยซ้ำ ซิตี้ เสียประตูไปแค่ 4 ลูกจาก 14 เกมสุดท้าย เว็บไซต์ Squawka

ระบุว่าเคมีของกองหลังชุดนั้นเป็นการจับคู่ที่ลงตัว ทั้งในแง่ของการมีผู้นำในเกมรับ (ก็องปานี) มีกองหลังเชิงสูงทางดี (ลาปอร์ต) และแบ็คที่สามารถเล่นบอลกับพื้นได้มีประสิทธิภาพเหมือนกับนักเตะกองกลาง (เดลฟ์) และแบ็คโฟร์ชุดนี้ยืนตำแหน่งร่วมกันแทบจะต่อเนื่องทั้งฤดูกาล อาจจะมีปรับเปลี่ยนบ้างในส่วนของแบ็คซ้าย และเซ็นเตอร์ในช่วงที่ ก็องปานี บาดเจ็บ สิ่งที่ตามมาจากสิ่งที่เรียกว่าเคมีเข้ากันคือ ซิตี้ กลายเป็นทีมที่มีความผิดพลาดส่วนบุคคลในเกมรับน้อยมาก

จังหวะพลาดแบบโดนสวนเปรี้ยงเดียวและเสียประตูแทบไม่มีให้เห็น และหัวใจสำคัญที่สุดคือ ก็องปานี ที่หากจะเปรียบเทียบก็คงเหมือนที่ ลิเวอร์พูล มี เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค นั่นแหละ เขาเป็นผู้สั่งการ เป็นผู้นำของทีมตัวจริง มาตรฐานของ ก็องปานี ที่แม้จะเจ็บบ่อยแค่ไหน แต่เมื่อกลับมา ก็องปานี เป็นตัวเลือกแรกของ เป๊ป เสมอ โดยเฉพาะกับเกมที่ต้องเล่นกับทีมระดับบิ๊ก หากไม่เจ็บไม่ป่วย ก็องปานี จะเป็นตัวยืนแทบจะ 100% เหตุผลคือการมีอยู่ของ ก็องปานี ทำให้นักเตะ

ที่อยู่รอบข้างเขามีสมาธิ มีความกล้า และมั่นใจในการเล่นมากขึ้น อิทธิพลของเขาแสดงออกผ่านอิริยาบถต่าง ๆ ในสนาม การตะโกนด่าเพื่อนที่ยืนตำแหน่งพลาด การสั่งการแผงหลัง และการขึ้นไปเล่นลูกเซ็ตพีชแต่ละครั้้งหวังผลได้เสมอ และแน่นอนคงไม่มีใครลืมประตูยิงไกลเสียบสามเหลี่ยมของเขาในเกมที่ เอติฮัด ซึ่ง ซิตี้ ชนะ เลสเตอร์ 1-0 ซึ่งเกมนั้นมีเดิมพันแชมป์พรีเมียร์ลีก เพราะมันคือเกมรองสุดท้ายของซีซั่น และประตูนั้นชี้ขาดทุกอย่างโดยแท้จริง

UFABETWINS

“ไม่มีใครสามารถแทน ก็องปานี ได้แน่นอน” ไมกาห์ ริชาร์ดส์ อดีตวันเดอร์คิดและนักเตะของ แมนฯ ซิตี้ กล่าวถึงความสำคัญของ ก็องปานี “ไม่ว่าคุณจะหาใครมาแทนมันก็ยากจะอุดรอยที่เขาทิ้งไว้ วินนี่ คือกองหลังตัวกลางที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งนับตั้งแต่เปลี่ยนยุคมาเป็นพรีเมียร์ลีก เอาล่ะ พวกคุณอาจจะเห็นแค่สิ่งที่เขาแสดงออกมาในสนาม แต่ความจริงแล้ว ความสุดของเขาคือเมื่ออยู่นอกสนามต่างหาก เขาไม่ใช่นักเตะที่คอยจะเลือกมุมเซลฟี่เพื่อถ่ายรูปเท่ ๆ

เขาอยู่ห่างจากกล้องถ่ายรูปเสมอ เขาเป็นคนจริงที่โฟกัสกับหน้าที่ของตัวเองสุด ๆ การมีอยู่ของเขาเหมือนการเป็นกำหนดทิศทางของทีม แมนฯ ซิตี้ เลย” ริชาร์ดส์ ที่เคยเป็นเพื่อนร่วมทีมกับ ก็องปานี กล่าว ไม่ว่าใครจะเข้ามาก็ยากที่จะมาทดแทนสิ่งที่ ก็องปานี ทิ้งไว้ได้ ในแง่ของฟอร์มในสนามอาจจะมีนักเตะที่ทำได้ใกล้เคียงหรือเท่า ๆ กัน แต่สิ่งที่สำคัญอย่างที่ ริชาร์ดส์ บอก ผู้นำที่แท้จริงนั้นสำคัญมาก และการจะมาถึงจุดที่ ก็องปานี ทำได้ต้องใช้เวลา

และต้องเป็นคนที่มีคาแร็คเตอร์ชัดเจน พร้อมจะติคนอื่น แต่ก่อนจะเริ่มติและตะโกนสั่งการ เขาคนนั้นจะต้องทำให้เป็นตัวอย่างก่อน นี่คือสิ่งที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังยอมรับว่า “ยากที่จะหาตัวแทนของเขา” “มันเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่หากจะเอา รูเบ็น ดิอาส มาเทียบกับสิ่งที่ ก็องปานี ทำ แว็งซ็องต์ ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน ส่วน รูเบ็น ยังเด็กมาก เขามีความเป็นผู้นำแต่เขาเพิ่งอายุ 23 ปี สิ่งที่เราเห็นตอนนี้จากเขาก็ถือว่าน่ายินดีแล้ว” เป๊ป กล่าว หลังเกมที่ ซิตี้

เปิดบ้านเอาชนะ อาร์เซน่อล 1-0 เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ขณะที่ อายเมอริก ลาปอร์ต ก็ดูเหมือนจะทดแทนได้ในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ปัญหาคือความต่อเนื่องและการยืนระยะ การบาดเจ็บที่รบกวนบ่อย ๆ ทำให้ เป๊ป ต้องเปลี่ยนแปลงนักเตะในแผงกองหลังตลอดเวลา และนั่นจึงทำให้พวกเขาหาผู้นำตัวจริงไม่ได้เสียที เป๊ป และ ริชาร์ดส์ ไม่ได้พูดเพียงเพราะอวยกันเฉย ๆ การขาดหายไปของ ก็องปานี ในซีซั่น 2019-20 (ย้ายกลับ อันเดอร์เลช ในลีกเบลเยียมบ้านเกิด)

ทำให้แม้ ซิตี้ ไม่ได้มีเกมรับที่แย่จนน่าเกลียด แต่สิ่งสำคัญคือพวกเขา “ไม่นิ่งเหมือนเคย” การเสีย 35 ลูกจาก 38 เกมถือว่าไม่เลวนัก แต่ความจริงคือการเสียประตูแต่ละลูกนั้นมักเกิดขึ้นในลักษณะเดียวกัน นั่นคือการเล่นเกมรุกของถนัดของทีมที่ขึ้นไปขึงคู่แข่งถึงกลางสนาม และจากนั้นเจอสวนแบบเปรี้ยงเดียวหลุดเป็นทางตรงจนไปถึงการยิงประตู ความผิดพลาดในการยืนตำแหน่งเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้เอง ทำให้ ซิตี้ แพ้ให้ในเกมที่ไม่ควรแพ้ หากว่ากันที่จังหวะการยิง

และการสร้างสรรค์เกม พวกเขาแพ้ นอริช แบบโดนยิง 3 ลูก, พ่าย วูล์ฟส์ ไปกลับแบบโดนยิงรวม 5 ลูก, เสียแต้มให้กับ นิวคาสเซิล ด้วยการเสมอ 2-2, แพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด แบบไปกลับเพราะเกมสวนกลับที่ใช้ระบบกองหลัง 5 ตัว (3-5-2) เช่นเดียวกับการแพ้ สเปอร์ส ของ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่อุดในแดนแทบทั้งเกม 0-2 เป็นต้น คู่แข่งของ ซิตี้ แต่ละทีม มักจะเล่นแท็คติกรับลึกเสมอเมื่อเจอกับพวกเขาที่เป็นทีมดันสูง ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนัก ในฤดูกาล 2018-19

พวกเขาก็เจอเกมแบบนี้ประจำ เพียงแต่ว่าภาพของการโดนสวนกลับแบบหลุดเดี่ยวตั้งแต่ครึ่งสนาม และการเสียง่าย ๆ จากลูกเซ็ตพีซมันแทบไม่ปรากฎเท่านั้น ก็องปานี อาจจะอายุเยอะและไม่แข็งแกร่งเหมือนสมัยหนุ่ม ๆ แต่ชัดเจนว่าการขาดหายไปของเขา ทำกองหลัง ซิตี้ สั่นคลอนทั้งระบบโดยแท้จริง

ยิงไม่ได้ก็มีส่วน ฟุตบอลยุคปัจจุบันนั้นมีความแตกต่างจากเมื่อครั้งอดีตเยอะมาก เดิมทีผู้เล่นแต่ละตำแหน่งจะมีหน้าที่ชัดเจนแตกต่างกันไป แต่ฟุตบอลยุคใหม่นี้ เหล่าทีมระดับโลกต่างมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือพวกเขาเล่นกันทั้งทีม บุกก็ต้องเล่นเกมบุกทั้งทีม รับก็ต้องช่วยกันเล่นเกมรับทั้งทีมนั่นเอง

 

คลิ๊กเลย >>> UFABETWINS

อ่านข่าวเพิ่ม >>> บ้านผลบอล